Spread the love

วันนี้ขอพาทุกท่านไป วัดห้วยน้ำทรัพย์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่ง ว่า วัดพระธาตุวาโย ถามว่าทำไมถึงมาวัดนี้ ด้วยเหตุผลแรก ไม่ไกลจากกรุงเทพ เป็นเส้นทางที่ผ่านไปดูงาน และเหตุผลหลักที่สนใจในวัดนี้ คือต้องการมาดูเจดีย์ และภายในเจดีย์มีบันไดขึ้นไปด้านบน ชั้นนบนสุดจะมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบบริเวณของอ่างเก็บน้ำลาดกระทิง ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก รวมถึงการมากราบไหว้บูชาหลวงพ่อปลดหนี้ และพระมหาเจดีย์พระธาตุวาโย ตามคำบอกเล่ากับข้อมูลที่ได้ศึกษาก่อนการเดินทาง จึงเป็นที่มาของการเดินทาง มาวัดนี้

วัดห้วยน้ำทรัพย์ หรือวัดพระธาตุวาโย ตั้งอยู่ที่ หมู่2 ตำบล ลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยะทางจากกรุงเทพ 122 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ถนนหลักหมายเลข 7 ถนนสุวินทวงศ์ ไปฉะเชิงเทราวิ่งได้สะดวกมาก จากถนนหลักจะเป็นถนนพัฒนาชนบท 4012 วิ่งไปวัดวิ่งสวนเลน จากถนนพัฒนาชนบทถึงทางเข้าวัดต้องเข้าไปในซอยอีกประมาณ 550 เมตร มีที่ตั้งติดกับอ่างเก็บน้ำ ถนนจะเป็นทางตัน ในช่วงเทศกาลอาจเจอปัญหาเรื่องรถติด เนื่องจากถนนไม่ใหญ่มาก

ประวัติความเป็นมาของวัด

“วัดห้วยน้ำทรัพย์” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “วัดพระธาตุวาโย” เดิมพื้นที่บริเวณนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ หลังจากนั้นมีชาวบ้านร่วมกันสนับสนุนให้สร้างเป็นวัดขึ้นในปี พ.ศ.2528 เกิดจากนิมิตของคุณแม่สุจิตรา เกี่ยวกับเรื่องเมืองวาโยนคร ว่าในอดีตดินแดนแห่งนี้เคยเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ถูกขนานนามว่า “วาโยนคร” มีท้าวแสนคำฟ้าเป็นเจ้าเมือง ที่นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ดินแดนแห่งนี้ แต่ด้วยภัยธรรมชาติและโรคระบาดครั้งใหญ่ ทำให้ดินแดนแห่งนี้สาบสูญไป

วัดห้วยน้ำทรัพย์ เป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างไปจรดบริเวณอ่างเก็บน้ำลาดกระทิง โดยรอบมีต้นไม้ร่มรื่น กลางวัดมีถนนตัดผ่าน จึงแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วน ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างให้ชม บางจุดอยู่ในระยะไกลกัน ต้องขับรถไปชม ส่วนที่โดดเด่นที่สุดภายในวัด คือ พระมหาเจดีย์พระธาตุวาโย

เมื่อขับรถไปถึงทางเข้าตัววัดจะเป็น 3 แยก มองไปด้านซ้าย จะเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เป็นหลวงพ่อใหญ่ประทานพร ส่วนด้านขวาจะเป็นองค์เจดีย์ตั้งเด่นสวยงาม ให้เลี้ยวขวาเข้าไปยังลานจอดรถ จะมีที่จอดรถจำนวนมาก วันธรรมดาที่ไป จะมีนักท่องเที่ยวมากันเรื่อยๆ ไม่มากเท่าไร ทางวัดจะมีจุดตรวจโควิด และจุดขายดอกไม้ ธูปเทียน เพื่อนำไปกราบไหว้หลวงพ่อปลดหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจุดแรกที่ทุกคนไปกราบไหว้ บูชา ศาลาหลวงพ่อปลดหนี้ ตั้งอยู่ด้านข้าง ขวามือของพระมหาเจดีย์พระธาตุวาโย

หลวงพ่อปลดหนี้

ศาลาหลวงพ่อปลดหนี้ ตั้งอยู่ด้านข้าง ใต้ร่มเงาต้นโพธิใหญ่ หลวงพ่อปลดหนี้เป็นพระพุทธรูปที่อยู่คู่กับวัดห้วยน้ำทรัพย์มาตั้งแต่มีการสร้างวัดในปี พ.ศ.2528 เป็นพระพุทธรูปปางชนะมาร หรือ ปางมารวิชัย ตั้งอยู่ภายในวิหารหลวงพ่อปลดหนี้ ซึ่งมีความเชื่อกันว่าหากใครมาขอพรเรื่องที่เกี่ยวกับการปลดหนี้สิน โชคลาภ หรือการทำมาค้าขาย ก็จะสมหวังดังปรารถนา จากที่เคยมีประชาชนไปขอโชคลาภถูกล็อตเตอร์รี่รางวัลที่ 1 ที่เป็นข่าว ทำให้ประชาชนจำนวนมากพากันมากราบไหว้บูชา จนรถติดยาวหลายกิโลเมตร สร้างชื่อเสียงให้กับวัดนี้ ที่ใครๆ ก็อยากมากราบไหว้บูชา

สำหรับส่วนที่โดดเด่นของวัด คือพระมหาเจดีย์พระธาตุวาโย

พระมหาเจดีย์พระธาตุวาโย

พระมหาเจดีย์พระธาตุวาโย เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำขนาดใหญ่ สูง 39 เมตร ฐานเจดีย์มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 20 เมตร เนื้อที่ภายในองค์เจดีย์มีประมาณ 400 ตารางวา (1 ไร่) ใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท เริ่มวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2532 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2536

โดยลักษณะของเจดีย์จะเป็นระฆังซ้อนกัน 3 ชั้น 3 สี

1.องค์ระฆังชั้นล่าง ประดับด้วยกระเบื้องสีเหลืองทอง

2.องค์ระฆังชั้นกลาง ประดับด้วยกระเบื้องสีน้ำเงิน

3.องค์ระฆังชั้นบน ประดับด้วยกระเบื้องสีขาว 


  ถัดขึ้นไปคือปล้องไฉน ปลี และปลียอด ตามลำดับ แต่ไม่มีบัลลังก์ เสาหาน และก้านฉัตร เหมือนเจดีย์ทรงระฆังทั่วๆ ไป จึงเรียกได้ว่า พระมหาเจดีย์พระธาตุวาโย  รอบองค์ระฆังแต่ละชั้นนอกจากจะต่างสีกันแล้ว ที่คอระฆัง และปากระฆังแต่ละองค์ ยังประดับลวดลายดอกแบบไทย ๆ องค์มหาเจดีย์ตั้งอยู่บนฐานทรงกระบอก ที่ทำเป็นซุ้มประตูทางเข้า 4 ทิศ แต่ละประตูมีบันไดพญานาคนำเข้าสู่ตัวเจดีย์ และโดยรอบเจาะเป็นช่องหน้าต่างเรียงรายตลอด ส่วนภายในองค์เจดีย์ เป็นโถงขนาดใหญ่ มีจำนวน 3 ชั้น

ชั้นล่างห้องโถง ภายในจะเน้นเป็นสีเหลืองทอง ประดับด้วยลวดลายไทย เมื่อต้องแสงไฟยิ่งทำให้ลวดลายดูเรือง ตรงกลางมีเสาแกนกลางเจดีย์  และเสารับคานรายล้อมอีก 8 ต้น เสาแต่ละต้นตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลัก เสาแกนกลางประดิษฐานพระพุทธรูปปางยืน 5 องค์ ประทับยืนหันหน้าออกจากเสา ทุกองค์มีพุทธลักษณะกำลังก้าวย่าง มีพระพุทธรูปหนึ่งองค์ที่มีพุทธลักษณะแตกต่างจากองค์อื่นคือ มีสีพระวรกายเป็นสีเทา พระหัตถ์ขวาอุ้มบาตร ส่วนพระหัตถ์ซ้ายยกขี้นระดับอก พระพุทธรูป 5 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า (องค์ปัจจุบัน) และพระอริยเมตตรัยพุทธเจ้า บริเวณเหนือหน้าต่างจะเป็นภาพเขียนสีน้ำมัน ที่เขียนถึงเรื่องเล่าของชาววาโยนาคนคร จากโถงชั้นล่าง มีบันไดเวียนสำหรับขึ้นไปยังชั้น2 และชั้น3 เป็นบันไดเหล็กที่ค่อนข้างแคบและชัน ในวันที่ไป ทั้ง 2 ชั้น ปิดทำการ ไม่สามารถขึัน้ไปได้ จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ได้บอกกล่าวถึงชั้น 2 กับ 3 ดังต่อไปนี้

ชั้น 2 จะเป็นโถงขนาดกลาง เสาแต่ละต้นประดับกระเบื้องสีน้ำเงิน ที่เสากลาง และคานรับเสา ยังคงประดับด้วยลวดลายอ่อนช้อย ชั้นนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ มากมาย ทั้งโดยรอบเสาแกนกลาง และริมผนังด้านข้าง ชั้นนี้ยังมีหน้าต่างกระจกใสโดยรอบสูงจากพื้นขึ้นมา สามารถมองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำลาดกระทิงได้

ชั้น 3 เป็นชั้นบนสุดของพระมหาเจดีย์ ชั้นนี้จะเปิดให้ขึ้นไปชมได้เฉพาะในวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น ชั้นบนนี้เน้นโทนสีขาว ตัดกับลวดลายประดับ และองค์พระสีทอง เป็นชั้นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ มากมาย และยังมีหน้าต่างสูงจากพื้นโดยรอบ ได้เห็นทัศนียภาพอ่างเก็บน้ำลาดกระทิงในมุมกว้าง

หลวงพ่อใหญ่ประทานพร

หลวงพ่อใหญ่ประทานพร จะอยู่ด้านซ้ายของทางเข้า ส่วนใหญ่จะขับรถมากราบไหว้ จะอยู่ติดกับสมเด็จพ่อแสนคำฟ้า หลวงพ่อใหญ่ประทานพร เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2535 – 2537 องค์พระหน้าตักกว้าง 20 เมตร มีความสูง 29 เมตร ตั้งบนฐานไพทีที่ทำเป็นห้องโถงชั้นล่าง มีลักษณะเหมือนใต้ถุนอาคาร ชั้นบนเป็นองค์พระประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง การขึ้นไปกราบสักการะจะขึ้นทางบันไดด้านหน้า

อนุสาวรีย์สมเด็จพ่อแสนคำฟ้า

อนุสาวรีย์สมเด็จพ่อแสนคำฟ้า ตั้งอยู่ด้านหน้าของหลวงพ่อใหญ่ประทานพร เชื่อกันว่า สมเด็จพ่อแสนคำฟ้าเป็นผู้สร้างเมืองวาโยนคร ในอดีต ดูแลไพร่ฟ้าประชาชนให้มีความสุขสมบูรณ์กันถ้วนหน้า ต่อมาเมืองวาโยนาคนครได้ถึงกาลสลายลงด้วยภัยธรรมชาติ สมเด็จพ่อแสนคำฟ้า ได้ให้ลูกหลานสร้างเมืองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยเริ่มสร้างจากวัดพระธาตุวาโย และขยายไปเรื่อยๆ ลูกหลานวาโยจึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์นี้ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อกราบระลึกถึงพระคุณของท่าน

พระพุทธไสยาสน์ ศาลาคุณแม่สุจิตรา พานทอง 

ทางขึ้นจะเป็นรูปพญานาค รอบๆ โบสถ์ศาลาจะเป็นภาพพระราชกรณียกิจ ของ รัชกาลที่ 5 ภายในโบสถ์จะมี พระพุทธไสยาสน์ สร้างในช่วงปี พ.ศ.2539 – 2541 มีความยาว 20 เมตร ประดิษฐานอยู่ภายในศาลา เป็นพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ตั้งอยู่บนฐานไพทีที่มีลวดลายพระพุทธรูปโดยรอบ ใต้ฐานองค์พระบรรจุอัฐิคุณแม่สุจิตรา พานทอง ผู้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างวัด

พ่อปู่ท้าวพญาชมภูนาคราช เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาดสำหรับสายเสี่ยงโชค เพราะว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์อย่างมากเลยทีเดียว

อ่างเก็บน้ำลาดกระทิง

บริเวณอีกฝากหนึ่งของวัดจะเป็นอ่างเก็บน้ำลาดกระทิง เป็นอ่างเก็บน้ำในโครงการสืบเนื่องมาจากพระราชดำริของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้สำหรับการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนัก ด้านสันเขื่อนมีความกว้าง 6 เมตร ยาว 495 เมตร เขื่อนสูง 10.50 เมตร นอกจากเป็นแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ สามารถเดินเล่น รับลม ชมวิวทิวทัศน์ ทางวัดได้จัดเป็นตลาดนัดขายของรอบๆ บริเวณอ่างเก็บน้ำ มีร้านค้า มาตั้งขายเรียงรายรอบๆ เป็นจำนวนมาก

สำหรับวัดนี้ ใช้เวลาในการเดินกราบไหว้ บูชา ชมบรรยากาศ รอบวัด ทุกจุุด ประมาณ 2 ชั่วโมง ไปถึงบ่ายสามโมง ออกจากวัดประมาณ 5 โมงเย็น ถนนค่อนข้างโล่ง อากาศดี เห็นวิวเป็นเขา ท่านใดที่ต้องการเสี่ยงโชค ขอพร ปลดหนี้ ชมบรรยากาศสวยๆ รอบอ่างเก็บน้ำ ไม่ควรพลาดวัดนี้ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

เวลาปิด-เปิด วัด เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.

พิกัดการเดินทาง https://goo.gl/maps/5H8fv49Q7crMXg339