Spread the love

จากที่ทุกคนเหนื่อยจากการเดินทาง และกลับมาเจออากาศหนาวเย็นอีก ทำให้เมื่อคืนนอนหลับกันเต็มที่ ตื่นกัน 7 โมงเช้า เช้านี้เราทานอาหารกันง่าย ๆ เป็นไส้กรอก กาแฟ ขนมปัง ผลไม้ที่ซื้อมาไว้ตอนเย็น แพ็คกระเป๋าเรียบร้อยเตรียมเช็คเอ้าท์ มีเวลาเหลือเล็กน้อย ชวนกันออกไปเดินเล่นใกล้ๆ ที่พัก และไปซุปเปอร์ ที่เดิม ได้ของฝากกันเล็กน้อย กลับมาเพื่อเช็คเอ้าท์ ก่อน 10 โมงเช้า เดินทางเข้าเมืองฟุสเซ่น ทางโรงแรมได้แจกคูปองเป็นตั๋วรถเมล์เข้าเมืองฟรี เราเดินออกมารอรถเมล์ที่ป้ายรถเข้าเมือง ป้ายรถเมล์ ดูจากสัญญลักษณ์ และมีนักท่องเที่ยวมารออยู่ด้วยเช่นกัน ใช้เวลาไม่นาน มาถึงสถานีรถไฟ ซื้อตั๋วรถไฟไปเมืองมิวนิค ราคา ตั๋วคนละ 542 บาท ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง หาอาหารกินก่อนขึ้นรถไฟ เป็นร้านเดิมที่สถานีรถไฟ อาหารหลักยังคงเป็นขนมปัง กาแฟ เช่นเดิม ค่าอาหารจ่ายกันคนละ 166 บาท

กินเสร็จยังมีเวลาเลือกซื้อของที่ระลึกที่สถานีรถไฟ ราคาไม่แพงมาก ได้เวลาขึ้นรถไฟประมาณ เที่ยง รถไฟค่อนข้างใหม่ ต้นทางไม่ค่อยมีผู้โดยสาร ตลอดเส้นทางจากฟุสเซ่น ไปยังมิวนิค วิว 2 ข้างทางสวยมาก ขามา จะเป็นกลางคืน ทำให้ไม่เห็นเส้นทาง ขากลับไม่ได้นอนกัน ใช้เวลาดูบรรยากาศข้างทาง สีเขียวของทุ่งหญ้า ตัดท้องฟ้า ภูเขาที่ยังเห็นหิมะปกคลุม บ้านพักที่สวยงามของคนยุโรป เป็นภาพบรรยากาศที่สวยมาก สำหรับใครที่ชอบวิวทิวทัศน์ เดินทางมาเที่ยวปราสาท จะได้เก็บบรรยากาศภาพเหล่านี้ไว้ในความทรงจำ

เราเดินทางมาถึง เมืองมิวนิค ประมาณ บ่ายสามครึ่ง จัดการฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ที่สถานีมิวนิค วันรุ่งขึ้นจะต้องมาที่นี่เพื่อเดินทางไปสนามบิน ล็อกเกอร์ที่นี่มีจำนวนมาก กระเป๋าใบใหญ่จะเหลือช่องว่างน้อย ค่าฝากกระเป๋าใบใหญ่ล็อกละ 220 บาทต่อคืน ฝากกระเป๋าเสร็จเดินไปที่พัก จากแผนที่คิดว่าเดินได้ สำหรับที่พักที่นี่จองไว้เรียบร้อย เป็น BnB Dreibettzimmer in ruhiger Lage im Zentrum Münchens Dreibettzimmer ค่าที่พักคนละ 1,525 บาท รอบๆ ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม มีร้านขนมตุรกี 2 ร้าน เหมาะสำหรับเป็นของฝาก ห้องพักมี 2 เตียงโดยรวมถือว่าใช้ได้ ที่เคาว์เตอร์ จะแจกช็อกโกเลต ให้กับลูกค้าที่เข้าพัก มีหลายแบบเลือกหยิบได้ กดที่ภาพเข้าชมรีวิวห้องพัก

กดที่ภาพด้านบนชมคลิปห้องพัก กับ ของแจกช็อกโกแลต

เข้าเช็คอินเรียบร้อย ใกล้เวลา 5 โมง รีบที่จะเดินทางไปจัตุรัสแมรี่ Marienplatz เพื่อดูตุ๊กตาออกมาเต้นระบำในหอระฆัง Glockenspiel จากที่พักนั่งรถไฟไป ประมาณ 10 นาที ทั้งเดินทั้งวิ่ง เพื่อให้ทันเวลารอบของการแสดง ไปถึง เกินเวลา 5 นาที ยังมีโอกาสได้เห็นกำลังเต้นระบำ มีนักท่องเที่ยวมารอชมกันพอสมควร ที่นี่จะเป็นจัตุรัสใจกลางเมือง อยู่ในพื้นที่เมืองเก่าถือเป็นศูนย์กลางของเมืองมิวนิคตั้งแต่ปี ค.ศ.1158 ปี ค.ศ.1638 ได้มีการสร้างอนุเสารีย์พระแม่มารี ความสูง 11 เมตร ด้านบนเป็นรูปปั้นพระแม่มารีทองคำยืนอยู่บนพระจันทร์เสี้ยวและอุ้มพระเยซูคริสต์ที่ยังเป็นทารก เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกว่าเมืองรอดพ้นสงครามมาได้ จึงเป็นที่มาของชื่อที่ใช้เรียกตามพระนามของพระแม่มารี นอกจากนี้บริเวณด้านบนระเบียงหอคอยของศาลากลางยังตกแต่งด้วยรูปปั้นถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองมิวนิค เรียกว่า Munich Glockenspiel ซึ่งจะหมุนและส่งเสียงเพลงวันละสองรอบ รอบแรกในช่วงเวลา 11.00-12.00 น. และรอบสองเวลา 17.00 น. (ในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ จะหยุด)

หลังจากชมนาฬิกาเต้นระบำจบ เดินรอบจัตุรัส ชมบรรยากาศเมืองเก่า

กดที่ภาพด้านบนเพื่อชมนาฬิกาเต้นระบำ

จบจากการเดินชมตึกอาคารเก่ารอบจัตุรัส ได้เวลาอาหารเย็น มื้อนี้ ตั้งใจอย่างมากมาถึงเยอรมัน ต้องขาหมูเยอรมัน ต้องกินตอนเสริฟ ร้อนๆ ได้รสชาติของความอร่อย พร้อมจิบเบียร์เยอรมันเย็นๆ ค่าอาหารมื้อนี้ จ่ายกันคนละ 1,096 บาท ถือว่ามาถึงเยอรมันเรียบร้อย

กินอาหารเย็นเสร็จ ขึ้นรถไฟกลับ ลงเดินก่อนถึงที่พัก แวะไปเที่ยวโบสถ์ ST.Pauls และแวะซื้อขนมตรุกีเอามาลองกินกันด้วย สำหรับวันที่เรามามิวนิคเสียดาย เป็นวันหยุดติดต่อกัน ทำให้เมืองค่อนข้างเงียบ ไม่ได้ออกไปเที่ยวต่อกลางคืน กลับเข้าที่พักนอนกันประมาณ 2 ทุ่ม ค่าใช้จ่ายสำหรับวันนี้ ใช้รวมทั้งสิ้น 3,549 บาท